สถานที่ที่ตั้งศาล มีหลักการพิจารณาดังนี้
- ที่ตั้งศาลต้องเป็นบริเวณพื้นดิน มิใช่บริเวณเดียวกับพื้นของตัวบ้าน
- หากไม่มีพื้นที่ที่เป็นพื้นดิน สามารถทำการตั้งศาลบนชั้นดาดฟ้าได้ แต่ส่วนใหญ่ศาลที่ตั้งบนดาดฟ้าจะเป็นศาลเทพต่างๆ เช่นพระพรหม หรือ พระนารายณ์ มิใช่พระภูมิเจ้าที่
- จุดที่ตั้งของศาลต้องไม่ถูกเงาของตัวบ้านทอดลงมาทับ
- ที่ตั้งของศาลควรอยู่ห่างจากบริเวณที่ตั้งของห้องน้ำ
- อย่าตั้งศาลให้อยู่ใกล้กับตัวบ้านมากนัก
- อย่าหันหน้าศาลเข้าสู่บริเวณที่ตั้งของห้องน้ำ
- ไม่ควรตั้งศาลให้หันหน้าตรงกับประตูหน้าบ้าน
- ตั้งศาลให้ห่างจากรั้วหรือกำแพงบ้านอย่างน้อย 1 เมตร
- ถ้าสามารถยกพื้นที่ตั้งศาลให้สูงขึ้นสัก 1 คืบ จากพื้นดินได้ ก็เหมาะสมอย่างยิ่ง
- ความสูงของศาล ควรสูงเหนือระดับสายตาของผู้เป็นเจ้าของบ้านขึ้นไปเล็กน้อย
ทิศทาง การหันหน้าศาลพระภูมิสู่ทิศมงคล
- ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ทิศอีสาน เป็นทิศที่ดีที่สุดหากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป
- ทิศตะวันออก หรือ ทิศบูรพา เป็นทิศที่ดีอันดับ 2 หากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ประมาณ 100 ปี หลังจากนั้น จะมีแต่เสื่อมลงๆจนถึงขั้นหาความสุขความเจริญไม่ได้
- ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ทิศอาคเณย์ เป็นทิศที่ดีอันดับ 3 หากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ประมาณ 50 ปี หลังจากนั้น จะมีแต่เสื่อมลงๆจนถึงขั้นหาความสุขความเจริญไม่ได้
ทิศต้องห้ามในการตั้งศาลพระภูมิ คือ ทิศตะวันตกและทิศใต้
เมื่อหาทิศทางตั้งศาลได้แล้วจะต้องพูนดินให้สูง 1 คืบ เกลี่ยดินด้วยมือและทุบให้แน่น ห้ามใช้เท้าเด็ดขาด และเตรียมน้ำมนต์ไว้พรมบริเวณพื้นดินเพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้ายต่างๆ น้ำมนต์ที่ว่านี้เรียกว่า " น้ำมนต์ธรณีสาร " น้ำมนต์ธรณีสารนี้ ทำได้โดยนำน้ำธรรมดาไปให้พระท่านสวดพระพุทธมนต์ทำเหมือนน้ำมนต์ทั่วไปแต่ต่างกัน ตรงที่ให้ท่านนำใบไม้ต้นธรณีสารมาใส่ลงในน้ำที่จะทำน้ำมนต์
วันและฤกษ์ตั้งศาล
มีความสำคัญมาก ควรเลือกวันที่ดีและมีความเป็นสิริมงคลเพื่อให้ประสิทธิ์ผลในทางมงคล แก่ผู้อยู่อาศัยในบ้านเรือนนั้นสืบต่อไป วันต่อไปนี้ถือเป็นวันที่เป็นมงคลฤกษ์
วันข้างขึ้น |
วันข้างแรม |
๒ ค่ำ |
๒ ค่ำ |
๔ ค่ำ |
๔ ค่ำ |
๖ ค่ำ |
๖ ค่ำ |
๙ ค่ำ |
๙ ค่ำ |
๑๑ ค่ำ |
๑๑ ค่ำ |
แต่ถ้าวันข้างขึ้น หรือข้างแรมดังกล่าวไปตรงกับวันต้องห้าม ของเดือนใด ให้เลี่ยงไปใช้วันอื่นเสีย
เวลาฤกษ์อันเป็นมงคล
วัน |
เวลา |
วันอาทิตย์ |
เวลา ๖.๐๙ น. - ๘.๑๙ น. |
วันจันทร์ |
เวลา ๘.๒๙ น. - ๑๐.๓๙ น. |
วันอังคาร |
เวลา ๖.๓๙ น. - ๘.๐๙ น. |
วันพุธ |
เวลา ๘.๓๙ น. - ๑๐.๑๙ น. |
วันพฤหัสบดี |
เวลา ๑๐.๔๙ น. - ๑๑.๓๙ น. |
วันศุกร์ |
เวลา ๖.๑๙ น. - ๘.๐๙ น. |
วันเสาร์ |
เวลา ๘.๔๙ น. - ๑๐.๔๙ น. |
วันต้องห้าม
เดือน |
วันต้องห้ามคือ |
เดือนอ้าย ธันวาคม) | วันพฤหัสบดี และวันเสาร์ |
เดือนยี่ (มกราคม) | วันพุธ และวันศุกร์ |
เดือน ๓ (กุมภาพันธ ) | วันอังคาร |
เดือน ๔ (มีนาคม) | วันจันทร์ |
เดือน ๕ (เมษายน) | วันพฤหัสบดี และวันเสาร์ |
เดือน ๖ (พฤษภาคม) |
วันพุธ และวันศุกร์ |
เดือน ๗ (มิถุนายน) | วันอังคาร |
เดือน ๘ (กรกฎาคม) | วันจันทร์ |
เดือน ๙ (สิงหาคม) | วันพฤหัสบดี และวันเสาร์ |
เดือน ๑๐ (กันยาย ) | วันพุธ และวันศุกร์ |
เดือน ๑๑ (ตุลาคม) | วันอังคาร |
เดือน ๑๒ (พฤศจิกายน) | วันจันทร์ |
จะสังเกตได้ว่า จะไม่ปรากฏว่ามี วันอาทิตย์ เป็น ข้อห้ามเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ยึดเอาวันอาทิตย์ เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับการตั้งศาล เพราะคนโบราณถือกันว่า วันอาทิตย์นั้นแม้จะจะเป็นวันที่มีกำลังแรงดี แต่เป็นวันแรงและวันร้อน ไม่เหมาะที่จะทำการตั้งศาล เพราะบ้านอาจจะ ร้อน จรปราศจากความร่มเย็นเป็นสุข แต่ ถ้าหากผู้กระทำพิธีมีเคล็ดมีมนตร์แก้ความร้อนของวันได้ ก็สามารถคิดทำการตั้งศาลในวันนี้ได้ตามความสะดวก
ความสูงของศาล
ขึ้นอยู่กับ ตัวเจ้าของบ้าน โดยให้ระดับฐานหรือชานชาลาพระภูมิอยู่เหนือระดับปาก (บางตำราว่าอยู่เหนือคิ้วพอดี ) ของผู้เป็นเจ้าของบ้าน ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนเจ้าบ้าน ก็ควรจะตั้งศาลพระภูมิขึ้นใหม่ การใช้ศาลพระภูมิร่วมกัน กรณีที่เป็นหมู่บ้าน,ชุมชนหรือตึกแถว ให้ยึดเอาความสูงจาก เจ้าของผู้สร้างเริ่มแรก หรือหัวหน้าชุมชนนั้นๆ โดยให้เป็นตัวแทนเพื่อมาทำการยกศาลพระภูมิขึ้นเพื่อบอกกล่าวและสักการะ ขอให้ท่านดูแลปกปักษ์รักษาให้คุณ ให้โชคลาภ ความเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้อยู่อาศัยทุกคน
การปักเสาตั้งศาล
ต้องเตรียมหลุมให้เสร็จก่อนเริ่มพิธี ( ค่อยมีพิธีในวันรุ่งขึ้น ) โดยต้องเตรียมของดังนี้ พานครู 1 พาน ใช้สำหรับใส่ข้าว ธูป เทียนขาว ดอกไม้หรือพวงมาลัยสด เหล้า บุหรี่ ผ้าขาว เงิน 6 สลึงหรือ 99 บาท
รายการของมงคลใส่หลุม (ปัจจุบันที่นิยมใช้)
รายการมงคล |
จำนวน | |
1 |
เหรียญเงิน |
9 เหรียญ |
2 |
เหรียญทอง (เหรียญสลึงหรือ 50 สตางค์ก็ได้) |
9 เหรียญ |
3 |
ใบเงิน |
9 ใบ |
4 |
ใบทอง |
9 ใบ |
5 |
ใบนาค |
9 ใบ |
6 |
ใบรัก |
9 ใบ |
7 |
ใบมะยม |
9 ใบ |
8 |
ใบนางกวัก |
9 ใบ |
9 |
ใบนางคุ้ม |
9 ใบ |
10 |
ใบกาหลง |
9 ใบ |
11 |
ดอกบานไม่รู้โรย |
9 ดอก |
12 |
ดอกพุทธรักษา |
9 ดอก |
13 |
ไม้มงคล |
9 ชนิด |
14 |
แผ่น เงิน,ทอง,นาค |
1 ชุด |
15 |
พลอยนพเก้า |
1 ชุด |
การกลบหลุมนั้นให้ใช้มือกด ห้ามใช้เท้าโดยเด็ดขาด
ผู้ประกอบพิธีกรรมการตั้งศาลพระภูมิ
ควรจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมมีศีลธรรม ทำบุญทำทานประจำ มีความซื่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม จะทำให้การตั้งศาลพระภูมิบังเกิดผลดี มีความเจริญรุ่งเรืองแก่เจ้าของบ้าน หรือเจ้าบ้านจะเป็นผู้กระทำพิธีกรรมก็ได้ โดยศึกษาขั้นตอนพิธีกรรมต่างๆ และให้ถือศีลกินเจ 7 วัน ( 3,5,7 วันก็ได้ หรือมากกว่านี้ก็ได้ )
ส่วนประกอบสำคัญของศาลพระภูมิ
จะเหว็ดศาลพระภูมิ จะเป็นรูปพระภูมิอยู่ในแผ่นคล้ายแผ่นเสมา มือขวาถือพระขรรค์ มือซ้ายถือถุงเงินหรือสมุด(หนังสือ) และการปลุกเสกจะเหว็ดให้เป็นองค์พระภูมิมีดังนี้ บรรจุธาตุทั้ง 6 คือ บรรจุพระพุทธคุณ,บรรจุพระธรรมคุณ,บรรจุพระสังฆคุณ ตลอดเทวคุณและวิญญาณธาตุเข้าไปในจะเหว็ดจากที่เรียกว่า จะเหว็ดเมื่อปลุกเสกแล้วก็จะเรียกว่า "พระภูมิ" บริวารของพระภูมิจะมี
- ตุ๊กตาชาย-หญิง อย่างละ 1 คู่
- ตุ๊กตาช้าง-ม้า อย่างละ 1 คู่
- ละครยก 2 โรง
เครื่องประดับตกแต่ง จะประกอบด้วย
เครื่องประดับตกแต่ง |
จำนวน | |
1 |
แจกัน |
1 คู่ |
2 |
เชิงเทียน |
1 คู่ |
3 |
กระถางธูป |
1 ใบ |
4 |
ผ้าผูกจะเหว็ด |
1 ผืน |
5 |
ผ้าพันศาล (ผ้าแพร 3 สี คือ สีเขียว,สีเหลืองและสีแดง) |
1 ชุด |
6 |
ฉัตรเงิน-ทอง |
2 คู่ |
7 |
ด้ายสายสิญจน์ |
1 ม้วน |
8 |
ผ้าขาว |
1 ผืน |
9 |
ทองคำเปลว |
- |
10 |
แป้งเจิม |
1 ถ้วย |
11 |
ดอกบัว |
9 ดอก |
12 |
ดอกไม้ ี(มาลัย 7 สี ) |
7 ส |
เครื่องสังเวยสำหรับตั้งศาล
จะประกอบด้วยอาหารคาวหวานดังนี้
เครื่องประดับตกแต่ง |
จำนวน | |
1 |
หัวหมู |
1 หัว |
2 |
ขนมต้มขาว |
2 จาน |
3 |
ไก่ต้ม |
1 ตัว |
4 |
ขนมถั่วงา |
2 จาน |
5 |
เป็ด |
1 ตัว |
6 |
ขนมถ้วยฟู |
2 จาน |
7 |
ปลานึ่ง |
1 ตัว |
8 |
ขนมหูช้าง |
2 จาน |
9 |
ปู หรือ กุ้ง |
1 จาน |
10 |
เผือก-มันต้ม |
2 จาน |
11 |
บายศรีปากชามยอดไข่ |
1 คู่ |
12 |
ฟักทอง |
2 ผล |
13 |
น้ำจิ้ม |
2 ถ้วย |
14 |
แตงไทย |
2 ผล |
15 |
ข้าวสวย |
2 ถ้วย |
16 |
ขนุน |
2 จาน |
17 |
เหล้า |
1 ขวด |
18 |
สับปะรด |
2 ผล |
19 |
น้ำชา |
2 ถ้วย |
20 |
กล้วย |
2 หวี |
21 |
น้ำสะอาด |
2 แก้ว |
22 |
ผลไม้ 5 ชนิด |
2 จาน |
23 |
มะพร้าวอ่อน |
1 คู่ |
24 |
พานหมาก พลู บุหรี่ |
1 คู่ |
25 |
ขนมต้มแดง |
2 จาน |
**ถ้าขนาดบ้านและศาลพระภูมิเล็ก ก็สามารถใช้สับปะรดเพียง 1 ผลได้แต่จัดแบ่งเป็น 2 จาน *
เครื่องสังเวยสำหรับตั้งศาล ( มังสวิรัติ )
เครื่องประดับตกแต่ง |
จำนวน | |
1 |
มะพร้าวอ่อน |
1 คู่ |
2 |
ขนมถ้วยฟู |
2 จาน |
3 |
พานหมาก พลู บุหรี่ |
1 คู่ |
4 |
ถั่วคั่ว |
2 จาน |
5 |
ฟักทอง |
2 ผล |
6 |
น้ำสะอาด |
2 แก้ว |
7 |
งาคั่ว |
2 จาน |
8 |
แตงไทย |
2 ผล |
9 |
ข้าวสวย |
2 ถ้วย |
10 |
เผือก-มันต้ม |
2 จาน |
11 |
ขนุน |
2 จาน |
12 |
น้ำชา |
2 ถ้วย |
13 |
ขนมต้มแดง |
2 จาน |
14 |
สับปะรด |
2 ผล |
15 |
นม |
2 ถ้วย |
16 |
ขนมต้มขาว |
2 จาน |
17 |
สับปะรด |
2 ผล |
18 |
เนย |
2 ถ้วย |
19 |
ขนมถั่วงา |
2 จาน |
20 |
ผลไม้ 5 ชนิด |
2 จาน |
ผลไม้ที่ห้ามนำถวาย
มังคุด |
มะเฟือง |
น้อยหน่า |
ลูกจาก |
มะตูม |
ละมุด |
มะไฟ |
กระท้อน |
ลูกพลับ |
พุทรา |
ระกำ |
น้อยโหน่ง |
ลูกท้อ |
มะขวิด |
ลางสาด |
คนไทยโบราณมีความเชื่อว่าผลไม้ทั้ง 15 ชนิดนี้เป็นอัปมงคล ไม่ควรนำมาถวายเป็นเครื่องสังเวยหน้าศาลพระภูมิเป็นอันขาด