ต้องยอมรับว่า วิธีการตั้งชื่อ brand ในปัจจุบัน เปลี่ยนไปตามกระแสโลกที่เปลี่ยนไป นักธุรกิจรุ่นใหม่มีความสนใจเรื่องการตั้งชื่อมากขึ้น สมัยนี้คงไม่มีใครอยากเป็นเจ้าของ brand ที่ชื่อเก๋ๆ ว่า เม๊งโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือจิ้มซาลอน เป็นต้น เป็นใครก็ย่อมอยากเป็นเจ้าของ brand  ที่มีชื่อเก๋ๆ เช่น true หรือ chalacol กันซะมากกว่า 

ถ้าจะตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเขาจะมีกฎการตั้งชื่อ brand ให้ประสบความสำเร็จไว้ว่า “ไม่ควรเกิน 6 ตัวอักษร ออกเสียงแล้วไม่เกิน 3 พยางค์ ทางที่ดีที่สุดควรออกเสียงแค่พยางค์เดียว”  สินค้าที่ประสบความสำเร็จจากการตั้งชื่อที่จะพอยกตัวอย่างได้ เช่น ชื่อของเครื่องกีฬาทั้งหลาย nike นี่ก็เข้าตามกฎเป๊ะ ส่วน adidas อันนี้ก็เข้าท่าเช่นกัน แต่ระยะหลังเหมือน adidas จะลดชื่อเหลือแค่พยางค์เดียว เรียกอย่างกระชับว่า das มีผลทำให้ยอดขายหวือหวาขึ้นเช่นกัน

ในแวดวงกีฬาก็เช่นกัน จะมีภาษาที่เรียกทีมฟุตบอลทีมโปรดให้สั้นลง เข้าใจได้ง่ายขึ้น เช่น ทีมที่เป็นขวัญใจของโจ๋ยุค 80 อย่างทีมหงส์แดง Liverpool ก็จะเรียกสั้นๆ เป็นอันเข้าใจว่า the cop หรือ ทีมจากกรุงลอนดอนที่มีนามว่า arsenal แฟนๆ ก็จะเรียกว่า gunner เป็นต้น  ข้อดีคือเป็นชื่อที่สั้นและจดจำง่าย มีความเข้าถึงกลุ่มแฟนๆ ได้ง่ายกว่าชื่อเต็มๆ   

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ “ตัวอักษร” ที่เขานิยมนำมาตั้งชื่อ brand จะมีประมาณ  5 ตัวอักษร ดังนี้ “a k h s t m” มีเหตุและผลที่มาที่ไปครับ เพราะว่าเขามีความเชื่อที่ว่าตัวอักษรที่นำมาตั้งชื่อ จะมีความหมาย  เช่น adidas ตัวอักษร a ถือเป็นอักษรตัวแรกของภาษาอังกฤษ คำว่า “แรก” เป็นความหมายที่ดีมาก หมายถึงความเป็น “ที่หนึ่ง”

อักษร k มีความหมายคือ king เป็นตัวอักษรที่แสดงความแข็งแกร่งและความเป็นผู้นำ ความเป็นผู้นำย่อมมีผลดีในทางธุรกิจมาก อย่างเช่นเคสของ kfc แต่ก่อนใช้ชื่อว่า Kentucky fried chicken ชื่อยาวมาก