แสงมีบทบาทต่อมนุษย์มาทุกยุคสมัย ตั้งแต่ยุคหินที่เราใช้แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ในการดำรงชีพ จวบจนโธมัส อัลวา เอดิสันผลิตหลอดไฟได้ โลกนี้ก็แทบจะไม่รู้จักคำว่า มืดมิด อีก จะว่าไปแล้วจุดประสงค์แรกที่เอดิสันผลิตหลอดไฟนั้นก็แค่เพียงต้องการ เลียนแบบ ความสว่างมาจากแสงธรรมชาติเท่านั้น

 

แต่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์แล้ว มีหรือจะหมดความต้องการเพียงเท่านั้น ในเมื่อ เลียนแบบ ความสว่างจากแสงอาทิตย์ได้แล้ว ทำไมจึงจะไม่คิดต่อถึงการ เลียนแบบ บรรยากาศของแสงมาด้วย นั่นจึงเป็นที่มาของการผลิตหลอดไฟประเภทต่าง ๆ รวมทั้งการถือกำเนิดขึ้นมาของวิชา “Lighting”


การ Lighting ถือว่ามีบทบาทต่อการออกแบบตกแต่งบ้านมากที่สุด จากเดิมที่การ Decorate เน้นแค่เรื่องของการจัดวางและการหาสิ่งของสวย ๆ งาม ๆ มาวางไว้ในที่เดียวกัน มาตอนนี้การจัดไฟเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศให้กับห้องถือว่ามีความสำคัญต่อการตกแต่งไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย

 

ห้อง “Lighting Room” ห้องนี้จัดขึ้นโดยทีมงานของนิตยสาร Room ในส่วนของ Room Pavilion ภายในงานบ้านและสวนแฟร์48 โดยมีคุณวิบูลย์ ติรมงคล Lighting & Interior Designer มาช่วยออกแบบให้ จุดประสงค์หลักของห้องนี้คือ การนำเอาระบบการจัดแสงเข้ามาช่วยปรับอารมณ์ของห้องให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการ

 

กล่าวง่าย ๆ คือในขณะที่แสงธรรมชาติมีบทบาทต่อการสร้างอารมณ์ให้กับเรา แต่ในห้องนี้เราสามารถปรับแสงให้ได้อารมณ์ตามแบบที่เราต้องการในขณะนั้น ๆ ได้ แน่นอนช่วงเวลาที่มนุษย์ต้องการอารมณ์สุนทรีย์มากที่สุดช่วงหนึ่งก็คือ การรับประทานอาหาร Lighting Room ห้องนี้จึงลองจัดออกมาในรูปแบบห้องอาหาร


จะน่าสนใจแต่ไหน ถ้าเราสามารถปรับเปลี่ยนแสงสว่างภายในห้องรับประทานอาหารห้องเดิมให้มีบรรยากาศต่าง ๆ กันแต่เหมาะกับสภาวะต่าง ๆ ตามที่เราต้องการ ซึ่งระบบไฟฟ้าในปัจจุบันสามารถทำให้ห้องอาหารเดิมมีชีวิตชีวาตามช่วงเวลาที่ต้องการได้ คุณประพันธ์ ประภาสะวัต บก.อำนวยการแห่ง Room ว่า

 

โดยห้องตัวอย่างที่จัดขึ้นนี้สามารถเปลี่ยนบรรยากาศได้ต่าง ๆ กันเป็นยามเช้า, ยามเที่ยง, ยามเย็นและค่ำคืนแห่งปาร์ตี้ ขอบอกว่ามนต์เสน่ห์แห่งแสงไฟที่เปลี่ยนไปนั้นสามารถเสกสรรค์บรรยากาศให้เปลี่ยนแปลงเหมาะกับมื้ออาหารนั้น ๆ ได้แบบสุดอัศจรรย์ นี่แหละมนต์มายาแห่งแสงและสี!

 

สำหรับบรรยากาศยามเช้าแห่งการเริ่มต้นวันใหม่นั้น เมื่อลองปรับเปลี่ยนระบบควบคุมเพื่อให้แสงในห้องเข้าสู่หมวดนี้แล้ว เราจะพบกับแสงไฟสว่าง ขาวฟุ้ง ดูสดใสและมีชีวิตชีวามั่ก ๆ  แสงที่เกิดขึ้นเป็นแสงที่ไม่ทำให้เกิดเงา จึงให้บรรยากาศต้อนรับกิจกรรมแห่งวันใหม่ด้วยอารมณ์เย็น ๆ สบาย ๆ


ย่างเข้าสู่ยามเที่ยง มื้ออาหารระหว่างวันที่ต้องการความกระฉับกระเฉงให้สมกับวิถีชีวิตยุคใหม่ แสงไฟในห้องนี้จะถูกปรับเปลี่ยนให้มีชีวิตชีวาในแบบกระฉับกระเฉง ให้ความรู้สึกเร่งเร้าและพร้อมเดินหน้าทำงานต่อไปในยามบ่าย เป็นการให้แสงไฟที่เน้นให้แสงเงาของวัตถุ

 

ตกเย็น แสงไฟในห้องนี้จะถูกปรับเข้าสู่บรรยากาศแห่งดินเนอร์สุดหรูหรา มีระดับ เพื่อมื้อค่ำสุดแสนวิเศษกับคนพิเศษสุด ๆ แสงไฟถูกจัดเอาไว้ให้ช่วยขับความแวววาวของแก้วเจียระนัยสุดหรูบนโต๊ะอาหารให้โดดเด้ง สุดแสนโรแมนติกราวกับมื้อค่ำในฝันเลยทีเดียว

 

และถ้าชีวิตของคุณไม่หยุดนิ่งเพียงแค่นั้น ตกค่ำยังมีงานปาร์ตี้ให้ได้สนุกสนาน ดริ๊งค์แอนด์แดนซ์ กันให้กระจายกับกลุ่มเพื่อน ๆ อีกล่ะก็ ห้องนี้ก็สามารถเนรมิตบรรยากาศแบบนั้นให้ได้! ด้วยแสงสีสดใสเปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ ชวนให้อยากขยับแข้งขากับบทเพลงมัน ๆ ที่ไม่มีวันลืม


สำหรับระบบงานไฟฟ้านั้น ทีมงานนิตยสาร Room บอกว่าสามารถติดตั้งได้ไม่ยาก ด้วยการใช้หลอดแอลอีดีซึ่งเป็นหลอดที่สามารถรันแสงต่าง ๆ ได้โดยอัตโนมัติ โดยมีตัวคอนโทรลเกี่ยวกับระบบไฟว่าจะใช้ไฟตรงไหนบ้าง ส่วนไฟพวกนี้เป็นไฟเบอร์ออพติกเหมือนใยแก้วนำแสง ตัวนำแสงอยู่ที่ด้านบน

 

อย่างไรก็ดีความโดดเด่นของ Lighting Room ห้องนี้ไม่ได้อยู่ที่ระบบแสงเท่านั้น ทีมงานยังช่างคิดด้วยการสรรหาอุปกรณ์และของตกแต่งบนโต๊ะอาหารทุกอย่างให้มีสีสันสวยงาม ดูหรูหรา เนื่องจากสีต่าง ๆ เหล่านี้มีผลต่อการรับประทานอาหารด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะสีแดงที่ช่วยเร้าความอยากทานให้มากขึ้นได้

 

เพราะแสงมีความสำคัญมากกว่า การให้ความสว่าง การจัดไฟให้จึงต้องคำนึงถึงการสร้างบรรยากาศด้วย นี่คือคำตอบง่าย ๆ ว่าทำไมหนุ่ม ๆ ถึงชอบพาสาวไปทำ น้ำตาลหก ในร้านอาหารที่จัดบรรยากาศ (รวมทั้งแสง) ออกมาแบบสุดแสนจะโรแมนติก