1.ชั้นเก็บของเหนือเพดาน
บ้านไหนที่มีเพดานสูง 3 เมตรขึ้นไป สามารถใช้ความสูงของฝ้าให้เป็นประโยชน์โดยการทำชั้นวางของสำหรับเก็บของที่นานๆ ใช้ที ด้วยการยึดชั้นไม้หน้ากว้าง 30 เซนติเมตร ติดตั้งที่ระดับความสูงตั้งแต่ 2.20 เมตร ขึ้นไป ยึดระหว่างผนังและคาน หรือจะก่อครีบปูนหน้ากว้าง 30 เซนติเมตร ก่อให้ยาวต่อเนื่องกันกับชั้นวางของที่หล่อปูนแบ่งเป็นช่องๆ ฉาบและแต่งผิวพร้อมทาสีเดียวกันทั้งหมดเพื่อให้ดูต่อเนื่องและเรียบเนียนไปกับผนัง ไอเดียนี้สามารถทำได้ทั้งฝ้าเพดานระหว่างห้อง หรือจะเป็นผนังมุมใดมุมหนึ่งของห้อง หรือจะเป็นพื้นที่เหนือหน้าต่างและประตูก็ได้
2.ชั้นเก็บของฝังผนัง
ชั้นเก็บของที่ซ่อนตัวอยู่ในผนัง เป็นไอเดียดีๆ ที่ทำให้ห้องดูไม่ทึบตันเพราะไม่มีตู้วางของขนาดใหญ่ที่ดูเทอะทะ สามารถทำได้โดยการเจาะผนังให้ลึกลงไปประมาณ 20-30 ซม.และสูงจากระดับพื้น 1.00 ม. กรุทับด้วยไม้โอ๊คเข้ม ทำชั้นวางติดตายหรือปรับระดับระยะห่างแต่ละชั้นประมาณ 30-40 เซนติเมตร ขนาด 90X120 เซนติเมตร จากนั้นหาคิ้วไม้หน้ากว้าง 3 นิ้ว ตีเป็นกรอบปิดมุมทั้ง 4 ด้าน ทำให้ชั้นวางของกลายเป็นเหมือนกรอบรูปดูเท่ไปอีกแบบ
3.ตู้เก็บของในห้องน้ำ
เปลี่ยนผนังห้องน้ำให้กลายเป็นมุมเก็บอุปกรณ์ และของใช้ต่างๆให้ดูเป็นระเบียบ ด้วยการทำตู้บิวท์อินที่ผนังหลังชักโครกยาวตลอดแนวหนา 15 เซนติเมตร สูง 2 เมตร ตีแบ่งช่องตามความต้องการการใช้งาน โดยเว้นระยะห่างระหว่างตู้และโถชักโครกข้างละ 15-20 เซนติเมตร เพื่อติดสายชำระ และความสูงของตัวตู้เหนือชักโครกควรสูงประมาณ 1.30 เมตร เพื่อความสะดวกเวลาลุกนั่ง ส่วนหน้าบานตู้แนะนำให้กรุด้วยกระจกเงาเพื่อใช้ส่องหน้าและช่วยลวงตาทำให้ห้องกว้างขึ้น
4.ชั้นเอียงแบบมีศิลป์
ทำชั้นเก็บของให้ดูสะดุดตา โดยการใช้ตีกล่องไม้หนา 1 นิ้ว หลายขนาด มาวางทับซ้อนกันแล้วยึดกล่องกับผนังห้องที่ต้องการ เทคนิคคือกล่องชั้นล่างให้ยึดแบบตั้งฉากปกติจากนั้นค่อยๆ ยึดกล่องในชั้นถัดไปให้เอียงไปทางซ้ายหรือความตามต้องการ หรือจะเอียงกล่องขึ้นลง ทำให้มุมเก็บของดูสนุกและเท่ไม่เหมือนใคร
5.ชั้นสวยแบบคลาสสิก
ชั้นวางของยอดนิยมที่ยังดูสวยและคลาสสิก ไอเดียนี้เหมาะกับบ้านที่มีหนังสือหรือของใช้ที่มีน้ำหนักมาก โดยออกแบบชั้นเก็บของให้ยาวจนสุดผนัง แล้วตีโครงด้วยเหล็กกล่องจากพื้นจรดผนัง แล้วกรุทับชั้นด้วยแผ่นไม้อัดหนา 6 มม.ทั้งด้านบนและด้านล่าง เพื่อให้เกิดเส้นที่สวยงามสาย จากนั้นติดอุปกรณ์รางเลื่อนและบันไดเหล็กติดล้อเลื่อนเพื่อความสะดวกในการปีนไปเก็บหรือหยิบของ
6.All in one
ออกแบบตู้ให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานเพิ่มขึ้นด้วยการใช้หน้าบานตู้เป็นโต๊ะทำงานไปในตัว ซึ่งสามารถพับเก็บได้แถมยังประหยัดพื้นที่อีกด้วย โดยการเจาะช่องกลางตู้ให้เป็นแนวยาวระดับความสูง 75 ซม. แล้วติดบานพับแบบเปิดลงที่ด้านข้างผนังตู้กับตัวหน้าบายด้านใน ใช้เก็บอุปกรณ์และของจุกจิกเมื่อเราไม่ได้ใช้งานได้ และยังสามารถปรับเป็นมุมทำงานได้อีกด้วย
7.ตู้เก็บของข้างบันได
ใช้พื้นที่บริเวณบันไดบ้านให้เป็นประโยชน์ด้วยการออกแบบตู้บิลท์อินขนาดใหญ่ ที่ทำให้เก๋ด้วยการแบ่งหน้าบานลิ้นชักเล็กๆ แล้วติดป้ายชื่อให้คล้ายตู้ยาจีนในสมัยก่อน ติดตั้งระบบหน้าบานแบบกดกระเด้งเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน ส่วนอื่นๆ แบ่งขนาดช่องตามความเหมาะสม ช่องด้านบนอาจเลือกใช้หน้าบานกระจกเพื่อป้องกันฝุ่น เนื่องจากชั้นที่อยู่ด้านบนอาจขึ้นไปทำความสะอาดได้ยากกว่าชั้นที่อยู่ด้านล่าง
8.ผนังโค้งเพิ่มไอเดียจัดเก็บ
บ้านไหนมีบันไดเวียนสามารถเพิ่มประโยชน์ใช้สอยให้มุมนี้ด้วยการทำช่องเก็บของตามระดับขั้นบันได เริ่มจากตีโครงไม้แล้วกรุผนังด้วยไม้อัดแบ่งช่องขนาด 30X30X25 ซม. กรุผิวด้วยวีเนียร์ เทคนิคอยู่ที่การเจาะช่องเก็บของให้มีลักษณะเหลื่อมกันไปมา ช่วยสร้างเส้นสายที่น่าสนใจ
9.ชั้นเก็บของแสนสนุก
ออกแบบชั้นเก็บของให้ดูเสมือนงานศิลป์บนผนังที่ดูสนุกสนาน โดยใช้ไม้ MDF ตัดให้เป็นวงกลม ขนาดเส้นผ่าน ศูนย์กลาง 50 ซม. 2 ชิ้น กรุทับด้วยไม้อัดดัดโค้งตามโครง โดยทำกล่องให้ยื่นออกจากผนัง 35 ซม. จากนั้นจึงกรุด้านในช่องด้วยกล่องไม้ MDF สามารถทาสีแต่ละกล่องให้แตกต่างกัน หรือจะสลับสีกันได้ตามชอบ
10.ลูกเล่นในชั้นเก็บของ
ทำชั้นเก็บของขนาดเล็กให้ดูมีลูกเล่น ด้วยการใช้เหล็กแผ่นหนา 4 มม.พับเป็นสี่เหลี่ยมตามขนาด ลึกประมาณ 20 ซม. แล้วพ่นสีดำ สามารถนำไปติดไว้ได้หลายมุม เช่น โต๊ะคอนโซล ผนังห้องน้ำ หรือมุมทำงาน
credit : thairath.co.th