ดูแลสวนกรวดให้สวย
หลายบ้านนิยมนำกรวดมาใช้ตกแต่งสวน
แต่ปัญหาที่ประสบกันมากก็คือมักมีคราบตะไคร่หรือเศษดินกระเด็นขึ้นมาเกาะ
กรวด ลองมาดูวิธีดูแลรักษาสวนกรวดของคุณให้ยังคงสวยสะอาดตากัน
1. ทาสีรอกรวดบนพื้นที่ที่เตรียมไว้ แนะนำให้เททรายทับก่อน 1 ชั้น และอัดให้แน่น โดยพื้นทรายควรมีความหนาอย่างน้อย 5 เซนติเมตร
2. ปูตะแกรงพลาสติกที่มีตาถี่ จากนั้นจึงค่อยโรยกรวด
3. หมั่น
ดูแลเก็บกวาดเศษใบไม้แห้งทุกอาทิตย์ ไม่ปล่อยให้น้ำขัง
เพราะจะเกิดคราบบนกรวดได้ง่าย หรือจะใช้น้ำยาอเนกประสงค์ที่สกัดจากธรรมชาติ
(เพื่อป้องสารพิษตกค้างซึ่งอาจทำลายต้นไม้ในสวน) ผสมน้ำขัดทำความสะอาด
ดูแลเฟอร์นิเจอร์ไม้ในสวน
ไม้เป็นวัสดุอีกชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาประกอบการจัดสวน ไม่ว่าจะเป็นทางเดิน
ศาลา ระแนง หรือเฟอร์นิเจอร์ การดูแลรักษาเนื้อไม้ให้สวยทนนานมีขั้นตอน
ดังนี้
1. ควรเลือกใช้ไม้เนื้อแข็งซึ่งทนต่อสภาพแวดล้อม เช่น ไม้แดง ไม้มะค่า ไม้เต็ง ฯลฯ
2. ทาน้ำยาป้องกันแมลงกินเนื้อไม้
3. ทาสี
ย้อมไม้ เพื่อช่วยลดการดูดซับและสูญเสียความชื้นของเนื้อไม้ ควรทาอย่างน้อย
2 – 3 ชั้น แต่ละชั้นควรทิ้งให้แห้งนาน 6 ชั่วโมงขึ้นไปก่อนทาซ้ำ
4. หลังจากนั้นจึงทาสีน้ำมัน หรือสีน้ำพลาสติกสำหรับงานไม้ สีเหล่านี้จะมีความทนทานต่อน้ำและแสงแดด
Tips
1.
เฟอร์นิเจอร์ไม้ในสวนมักต้องเจอกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล
จึงอาจเกิดการบิดตัว หดตัว หรือโก่งตัวจนทำให้เสียรูปทรง
ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการขัดสีที่เสียหายออก จากนั้นไสเนื้อไม้ให้เรียบ
แล้วจึงทาสีใหม่ทับอีกที
2. ควรทาสีย้อมไม้สำหรับไม้นอกบ้านทุก 3 ปี เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน และควรเป็นสีย้อมไม้สูตรน้ำมัน เพราะเหมาะกับ
งานไม้ภายนอก
ชนิดของสีย้อมไม้
สีย้อมชนิดใส
ผลิตจากส่วนผสมของผงสีและเรซินคุณภาพดี มีคุณสมบัติโปร่งแสง ให้ความเงางาม
เหมาะกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ต้องการเน้นสีและลวดลายธรรมชาติของไม้
สีย้อมไม้ชนิดเงา
มีลักษณะกึ่งโปร่งแสง ให้สีด้านแบบธรรมชาติ เหมาะกับไม้ทุกชนิด
มีคุณสมบัติป้องกันน้ำ ปกป้องผิวของเนื้อไม้จากรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต
ป้องกันความซีดจางของเนื้อไม้ และมีส่วนผสมของสารป้องกันเชื้อรา
สีย้อมไม้กึ่งเงา มีลักษณะกึ่งโปร่งแสง ให้ความงามแบบกึ่งเงากึ่งด้าน ทนต่อรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต และมีส่วนผสมของสารป้องกันเชื้อรา เหมาะกับไม้ทุกชนิด
เฟอร์นิเจอร์ขึ้นสนิม
หากเฟอร์นิเจอร์ในสวนมีส่วนประกอบที่เป็นเหล็ก คงหนีไม่พ้นปัญหาเรื่องสนิม ซึ่งวิธีกำจัดก็ไม่ยากอย่างที่คิด
1. ใช้กระดาษทรายขัดสนิมออก
2. ทาน้ำยากันสนิมและปล่อยให้แห้ง
3. ทาสีน้ำมันตามสีที่ต้องการ
Tip
หมั่นตรวจสอบสภาพเฟอร์นิเจอร์เสมอ
ไม่ควรปล่อยให้เกิดสนิมลุกลามจนผุกร่อนแก้ไขไม่ได้
และหลีกเลี่ยงการวางในพื้นที่ที่โดนแดดและฝน
หรือในพื้นที่ที่มีน้ำขังหรือสัมผัสกับพื้นดินโดยตรง
กำจัดคราบตะไคร่
นอกจากคราบตะไคร่จะทำให้ทัศนียภาพในสวนไม่สวยงามแล้ว
ยังก่อให้เกิดอุบัติเหตุลื่นล้มได้อีกด้วย วิธีกำจัดคราบตะไคร่ทำได้โดย
1. ใช้
คลอรีนหรือน้ำยาฟอกขาว (ซึ่งเรารู้จักกันในชื่อ “ไฮเตอร์”) 1 ฝาต่อน้ำ 1
ถัง (20 ลิตร) นำไปเทบนพื้นผิวที่ต้องการทำความสะอาด
(ควรใส่ถุงมือและหน้ากาก)
2. ใช้แปรงพลาสติกขัดทำความสะอาด
3. เมื่อพื้นผิวที่ทำความสะอาดเสร็จแล้วแห้งสนิท ให้ทาน้ำยาป้องกันตะไคร่น้ำ เพียงเท่านี้สวนสวยของเราก็ไร้ปัญหาตะไคร่น้ำมากวนใจ
ยัง
มีอีกวิธีหนึ่งซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับผู้ไม่ชอบใช้สารเคมี
ให้ใช้น้ำยาอเนกประสงค์ซึ่งสกัดจากธรรมชาติเทราดบนพื้นผิวที่ต้องการทำความ
สะอาด จากนั้นใช้กาบมะพร้าวด้านที่มีใยขัดถูบริเวณที่มีตะไคร่
ก็ได้ผลไม่แพ้กัน อีกทั้งไม่เป็นอันตรายต่อต้นไม้ในสวน
แถมยังได้ออกกำลังไปในตัว
Tip
แนะนำให้ใช้น้ำยาอเนกประสงค์สกัดจากธรรมชาติที่มีส่วนผสมของผลประคำดีควาย
ซึ่งใช้ขัดล้างวัสดุได้ทุกชนิด ยิ่งถ้าใช้กับวัสดุที่เป็นโลหะ
กระเบื้องเคลือบ จะช่วยเพิ่มความเงางาม หาซื้อได้ตามร้านกรีนช็อปทั่วไป
หากต้องการทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์สนามซึ่งมีคราบตะไคร่น้ำหรือเชื้อรา พร้อมกับทาสีใหม่ไปด้วยเลย เรามีวิธีแนะนำดังนี้
1. ใช้กระดาษทรายเบอร์ 80 – 100 ขัดสีเก่าออก
2. ใช้คลอรีนหรือน้ำยาฟอกขาว 1 ฝาต่อน้ำ 1 ถัง ขัดล้างทำความสะอาด จากนั้นทิ้งให้เฟอร์นิเจอร์แห้งนาน 1 วัน
3. ทาน้ำยากันเชื้อราและตะไคร่น้ำ รอให้เฟอร์นิเจอร์แห้ง (อย่างน้อย 3 ชั่วโมงขึ้นไป) แล้วจึงทาสีใหม่ได้ตามต้องการ
ผนังปูนในสวนขึ้นรา หรือมีคราบตะไคร่น้ำเกาะ และเราต้องการทาสีใหม่ สามารถลงมือทำได้ ดังนี้
1. ขัดสีเก่าบนผนังปูนออกให้มากที่สุด
2. ใช้คลอรีนหรือน้ำยาฟอกขาว 1 ฝาต่อน้ำ 1 ถัง ขัดล้างทำความสะอาด จากนั้นทิ้งให้ผนังแห้งนาน 1 วัน
3. ทาน้ำยารองพื้นชนิดพิเศษซึ่งช่วยป้องกันความชื้น รอให้ผนังแห้ง (อย่างน้อย 3 ชั่วโมงขึ้นไป)
4. ทาสีรองพื้นที่ป้องกันคราบเกลือและความเป็นด่างเพื่อปกป้องผิวปูนที่ต้องโดนน้ำเป็นประจำ รอให้ผนังแห้งนาน 1 วัน จึงทาสีได้ตามต้องการ