ลักษณะเด่นของสับปะรดสี สับปะรดสีมีหลากหลายพันธุ์ แต่ลักษณะเด่นของมันคือเป็นไม้ประดับที่มีใบเป็นกลีบแข็งแผ่ออกไปโดยรอบ ผิวใบมีลวดลายและสีสันสวยงามแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ชนิดของพันธุ์ นอกจากนั้นสับปะรดสียังมีดอกที่สวยงาม

แม้สับปะรดสีจะเติบโตช้า แต่ด้วยคุณสมบัติทนแล้ง จึงได้รับความนิยมไม่ใช่น้อย ดอกของสับปะรดสีอยู่ในช่อดอกยาวสูง มีกลีบดอก กลีบเลี้ยงและใบสีสันสดใส ความสวยงามของมันสามารถอยู่ให้เราชื่นชมได้ยาวนานเนื่องจากมันเป็นพันธุ์ไม้ ที่อยู่ได้นานหลายเดือน นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำว่าเนื่องจากสับปะรดสีมีคุณสมบัติดูดสารพิษแม้จะไม่ มากแต่มันจะคายออกซิเจนออกมาในตอนกลางคืนและดูดคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป ดังนั้นจึงเหมาะที่จะวางมันไว้ในห้องนอน

ปัจจัยสำคัญในการปลูกสับปะรดสี

1.แสงแดด สับปะรดสีเป็นไม้ที่ชอบแสงแดด แสงแดดที่เหมาะสมกับสับปะรดสีโดยรวมคือความเข้มข้นแสง 50-70% สำหรับการเลี้ยงเบื้องต้นแนะนำให้เลี้ยงแดดช่วงเช้า-4โมงเช้า ถ้าต้นไม้ได้ รับแดดน้อยจะไม่ค่อยมีสีสันและฟอร์มใบยืดยาวไม่สวยงาม ถ้าได้รับแดดแรงเกินไปอาจทำให้ใบไหม้เสียหายได้ ต้นที่ใบมีฟอร์มไม่สวยงามหรือมีตำหนิจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ต้องรอผลัดใบใหม่อย่างเดียว

2.อุณหภูมิและความชื้น สังเกตได้ว่าต้นไม้และดอกไม้หลายชนิดจะให้สีสันสวยงามในช่วงหน้าหนาว สับปะรดสีก็เช่นกัน เค้าชอบอุณหภูมิต่ำๆ 20-25 องศาจะสีสันสวยงามมาก แต่สภาพแวดล้อมบ้านเราร้อน ควรให้เขาอยู่บริเวณที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 35 องศา (แต่ไม่ใช่ในร่มเลยนะ) ส่วนเรื่องความชื้นควรให้มีความชื้นตลอดเวลาไม่แห้งและไม่แฉะเกินไป ตัวอย่างเช่นสับปะรดสีที่เลี้ยงบนภูเขาหรือที่สูงสีสันจะสวยงามมากๆ เพราะมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

3.น้ำ สับปะรดสีชอบน้ำที่มีความเป็นกรดอ่อนๆ (ค่า pH ต่ำกว่า 7 เล็กน้อย) น้ำที่สับปะรดสีชอบคือน้ำฝน สังเกตว่าเมื่อฝนตกสับปะรดสีจะสวย ใบเต่งตึง เติบโตดีและรากเดินได้ดี ส่วนน้ำประปาบางแหล่งมีความเป็นด่าง (ค่า pH มากกว่า 7 เล็กน้อย) ก็สามารถใช้รดสับปะรดสีได้ตามปกติ แต่ถ้าน้ำประปามีคลอรีนมากความเป็นด่างจะสูง ทำให้มีคราบขาวๆ เกาะตามใบไม่สวยงาม ควรพักน้ำให้ตกตะกอนก่อนนำมาใช้ ส่วนน้ำบาดาลต้องตรวจสอบให้ละเอียดก่อนใช้เพราะมีความเป็นกรด-ด่างแตกต่าง กัน ถ้าความเข้มสูงหรือน้ำไม่สะอาดก็อาจทำให้สับปะรดสีใบเสีย สีซีด เป็นโรคและอาจตายได้

4.ลมและความถ่ายเทอากาศ สับปะรดสีชอบที่โล่ง อากาศถ่ายเทตลอดทั้งวัน ไม่ควรวางเบียดกัน/ใบซ้อนกัน/ใบคลุมกระถาง (ควรตัดแต่งใบล่างเรื่อยๆ) สับปะรดสีจะได้รับความชื้น ไอน้ำ ธาตุอาหาร คาร์บอนไดออกไซด์เพื่อช่วยในการสังเคราะห์แสง ทำให้แข็งแรงไม่อ่อนแอต่อโรครา ลมจะช่วยให้หน้าเครื่องปลูกแห้งเสมอทำให้ไม่เกิดเชื้อราแต่ในขณะที่เครื่อง ปลูกที่อยู่ด้านล่างยังรักษาคามชื้นไว้ได้ตลอดเวลา ไม่ต้องห่วงว่าจะแห้งตายเพราะสับปะรดสีทนทานมาก แค่มีน้ำที่กรวยและกาบใบก็ไม่ตายแล้ว

5.เครื่องปลูก ควรใช้เครื่องปลูกที่เก็บสะสมรักษาความชื้นได้และต้องโปร่งด้วยเพื่อให้ ระบายน้ำและอากาศได้ดี วัสดุปลูกที่ใช้กันเช่น มะพร้าวสับ (นิยมกันมากเพราะราคาถูกและหาได้ง่าย) หินภูเขาไฟ เศษหิน เศษถ่าน เศษกระถาง เศษโฟม อาจผสมด้วยกันหรือใช้ตามความเหมาะสมของไม้แต่ละต้นครับ



ขอบคุณข้อมูลจาก:http://home.sanook.com/9165/